เกร็ดความรู้

*** 6 วิธีการออกเสียงเวลาพูดภาษาอังกฤษ ให้ "ไม่เหน่อ" by ajton ***
1. คำที่ลงท้ายด้วย -tion อย่าออกเสียงว่า ชั่น ให้ออกเสียงว่า เฉิ่น
เช่น nation อย่าออกเสียงว่า เนชั่น ให้ออกเสียงว่า เน้เฉิ่น
2. คำที่ลงท้ายด้วย -ing อย่าออกเสียงว่า อิ้ง ให้ออกเสียงว่า อิ่ง
เช่น going อย่าออกเสียงว่า โกอิ้ง ให้ออกเสียงว่า โก๊อิ่ง
3. คำที่ลงท้ายด้วย -er/-or อย่าออกเสียงว่า เอ้อ ให้ออกเสียงว่า เอ่อ
เช่น teacher และ color อย่าออกเสียงว่า ที้ชเช่อร์ คัลเล่อร์ ให้ออกเสียงว่า ที้ชเฉ่อร์ คั้ลเหล่อร์
4. คำที่ลงท้ายด้วย -ment อย่าออกเสียงว่า เม้นท ให้ออกเสียงว่า เหม่นท.
เช่น comment อย่าออกเสียงว่า คอมเม้นท. ให้ออกเสียงว่า ค้อมเหม่นท.
5. คำที่ลงท้ายด้วย -ty -ly -ry อย่าออกเสียงว่า ตี้ ลี่ รี่ ให้ออกเสียงว่า ถี่ หลี่ หรี่
เช่น city lovely very อย่าออกเสียงว่า ซิตี้ เลิ้ฟลี่ เวรี่ ให้ออกเสียงว่า ซิถี่ เลิ้ฟหลี่ เฟ้หรี่
6. คำว่า is/was ถ้าอยู่ในประโยค อย่าออกเสียงว่า อี้ส กับ ว้อส ให้ออกเสียงว่า อิ่ส และ เวิ่อส
ลองฝึกอ่านสองประโยคนี้ดูช้าๆนะครับ แล้วลองสังเกตว่าการออกเสียงของเราดีขึ้นบ้างมั๊ย?
- Peter is a very good teacher teaching at a university in the city center.
- Sally was a lovely manager working in an apartment near the train station.


สาระพลังงาน สารพัดวิธีประหยัดไฟ ลดใช้พลังงานในบ้าน
http://bit.ly/1qu6nYU

On Tour พลังงาน ไฟฉายพลังงานแสงอาทิตย์
http://bit.ly/UFeozj

ถ้าคุณไม่เปลี่ยน จะรอให้ใครมาเปลี่ยน?
http://bit.ly/1peB5YT

Blue Indy รถยนต์ไฟฟ้าบริการให้เช่าในอินเดีย
http://bit.ly/UFfNGe


วิธีทำตัวอักษรวิ่งแบบต่างๆ หน้าเวป

http://pirun.ku.ac.th/~b5410855795/page9.html

วิธีทำ power point 



19 มกราคม 2557


   ขั้นตอนการกัดลายกระจกลึก ด้วยน้ำยากัดลายกระจกลึกจีเอ็มซี  
1. ทำความสะอาดกระจก  ด้วยน้ำยาล้างจานและน้ำเปล่า ลบรอยเปื้อนต่างๆ ออกให้สะอาด
2. ลอกสติกเกอร์ติดลงบนกระจก  อย่าให้มีฟองอากาศค้าง ห้ามใช้น้ำช่วย เนื่องจาก คุณภาพกาวจะอ่อนลง อาจทำให้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี ซึมผ่านได้   สติกเกอร์ที่ใช้จะต้องเผื่อให้ใหญ่กว่ากระจกอย่างน้อย 2 นิ้ว   ขั้นตอนการติดคือ พับสติกเกอร์ตลอดแนวด้านกว้างประมาณ 1 นิ้ว ลอกกระดาษหลังสติกเกอร์ด้านที่พับ 1 นิ้วออก ติดสติกเกอร์ที่ลอกลงบนโต๊ะให้เรียบและตรง จากนั้นนำกระจกไปวางไว้หลังสติกเกอร์ ให้สัมผัสกับสติกเกอร์ที่ติดลงบนโต๊ะ ดึงกระดาษที่พับออกเล็กน้อย ใช้ไม้บรรทัดแข็งๆ รีดสติกเกอร์ไปบนกระจกช้าๆ ไล่อากาศไปจนสุดปลายอีกด้านหนึ่ง อย่าลอกสติกเกอร์ออกมาทีเดียวทั้งแผ่น จะติดยากมาก และไฟฟ้าสถิตย์บนกระจก อาจจะดูดสติกเกอร์จน ทำให้เกิดฟองอากาศค้างได้ จากนั้นนำกระดาษหลังสติกเกอร์ที่เหลือไปติดทับด้านหลังกระจก (ใช้กระดาษด้านที่ไม่มัน) เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้หลังกระจกเป็นรอยได้ หรือป้องกันปรอทหลังกระจกหลุดได้ในกรณีที่ใช้กระจกเงา
3. ทากาวหลังกระดาษลายที่เตรียมไว้ให้ทั่ว  ควรทาให้ทั่วลวดลาย อย่าทาหนาเกินไป เพราะหลังจากตัดเสร็จ จะต้องแกะกระดาษที่เหลือออก จะแกะยาก การติดลายควรจัดสมดุลรูปให้สวยงาม
4. ใช้มีดคัตเตอร์ตัดบนกระดาษลาย  ตัดให้ผ่านสติกเกอร์ รอบส่วนที่ต้องการสลักลาย จากนั้นงัดกระดาษลายและสติกเกอร์ในส่วนนั้นออก จนเห็นผิวกระจก มีดที่ใช้ตัดจะต้องคม อย่าออกแรงตัดมากจนเกินไป กระจกจะเป็นรอยบิ่นได้
5. ทำความสะอาดกระจกอีกครั้ง  โดยลอกกระดาษลายส่วนที่เหลือออกทั้งหมด จนเหลือแต่สติกเกอร์ที่มีช่องที่ตัดแล้ว การงัดสติกเกอร์ อาจเกิดคราบยางเหนียว หลงเหลือบนกระจกได้ ทั้งนี้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี จะทำปฎิกริยากับคราบยางได้ไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดคราบยางสติกเกอร์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ตัดเศษสติกเกอร์ใหม่ ออกมาเป็นเส้นยาวประมาณ 5 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 1 เซ็นติเมตร ใช้มือจับปลายทั้งสองข้างของสติกเกอร์ แล้วนำไปกดบริเวณที่มีคราบยางสติกเกอร์ ให้ใช้เล็บกดช่วยด้วยแล้วจึงดึงออก จะดูดคราบยางออกมาได้ดี อีกวิธีคือ ใช้ผ้าสะอาดที่ไม่มีขุย ชุบแอลกอฮอลล์ล้างแผล เช็ดเอาคราบยางออก เมื่อคราบยางออกหมดแล้ว ให้ใช้ผ้าแห้งสะอาดที่ไม่มีขุย เช็ดทำความสะอาดอีกรอบ สังเกตุให้เห็นกระจกมันวาวที่สุด นำกระจกไปตากแดดจัดๆ สัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อไล่ความชื้นใต้สติกเกอร์ จะทำให้ลายที่สลักคมชัดมากขึ้น ความสะอาดมีผลอย่างมากกับงาน
6. สร้างกะบะขังน้ำยา  พับขอบสติกเกอร์ส่วนที่ยื่นออกมานอกกระจกขึ้นทุกด้าน ใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บมุมทั้ง 4 มุมจะได้ชิ้นงานที่มีรูปทรงเหมือนกะบะ
7. เขย่าขวดน้ำยากัดลายกระจกลึกจีเอ็มซี  เพื่อให้สารเคมีรวมตัวกันสมบูรณ์ เทน้ำยาลงบนชิ้นงานให้เร็ว ให้มีความหนาสม่ำเสมอกัน ไม่น้อยกว่า3มิลลิเมตร หรือ3เหรียญบาทซ้อนทับกัน อย่าให้บางเกินไป ปฎิกริยาจะไม่สมบูรณ์ เมื่อน้ำยาสัมผัสถูกผิวกระจก จะเกิดคราบสีขาวบนกระจก ให้ใช้พู่กันแบนเบอร์ใหญ่กวาดล้างคราบขาวบนผิวกระจกให้ทั่ว จะเป็นการทำความสะอาดผิวกระจกซ้ำในตัว จะทำให้ได้ลวดลายที่สม่ำเสมอกันยิ่งขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนนี้ควรสวมถุงมือยาง ใช้ผ้าปิดจมูก และยืนเหนือลมทุกครั้ง
8. ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง 
9. เทน้ำยาออก  น้ำยากัดลายกระจกลึกออกแบบให้ใช้ได้ผลสมบูรณ์รอบเดียว แต่อาจมีฤทธิ์หลงเหลืออยู่ ให้เททิ้งลงในถาดพลาสติกบรรจุทรายเพื่อทำให้น้ำยาหมดฤทธิ์ จากนั้นนำชิ้นงานไปล้างน้ำไหล ควรใช้พู่กันล้างคราบขาวออกให้หมด เช็ดหรือเป่าให้แห้งทันที
10. ลอกสติกเกอร์ออก  นำไปล้างน้ำอีกครั้ง เช็ดหรือเป่าให้แห้งทันที นำไปใส่กรอบรูป เป็นอันเสร็จสมบูรณ์  
 คำเตือน  กระจกที่ใช้กับน้ำยากัดลึก ขอแนะนำ กระจกยี่ห้อการ์เดียน กับยี่ห้ออาซาฮี เท่านั้น !!!!     
 มีขายทั่วไปตามร้านกระจก หากใช้กระจกที่ไม่ได้คุณภาพ อาจเกิดรอยด่างขึ้นเป็นบางจุด
 เคล็ดลับเฉพาะ น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี 4 ข้อ คือ 
 1.เขย่าขวดก่อนใช้  เนื่องจากสารเคมีทุกชนิด หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะมีการแยกตัวกันระหว่างโมเลกุลของสสาร ที่หนักและเบา มากบ้างน้อยบ้าง เช่นเดียวกับ น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ฉะนั้นก่อนใช้ให้เขย่าขวดทุกครั้งและเนื่องจาก น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ชนิดกัดฝ้าที่ใช้แล้ว สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ส่วนที่ใช้แล้วจะมีฤทธิ์อ่อนลง การเขย่าก่อนใช้ครั้งต่อไป จะช่วยให้น้ำยามีฤทธิ์สมดุล ทำให้ผลงานสมบูรณ์ได้ยิ่งขึ้น 
 2. ชิ้นงานต้องสะอาด  เนื่องจาก น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี มีสถานะความเป็นกรดอ่อน จึงจำเป็น ที่จะต้องรักษาความสะอาดกระจก ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความมันจากรอยนิ้วมือ หรือคราบยางเหนียว จากการตัดสติ๊กเกอร์
 3. เทให้เร็ว  น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี เป็นสารเคมีที่ไวต่อการเกิดปฎิกริยา   การลงน้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี จึงมีผลอย่างมากที่จะทำให้เกิดผลงานที่สมบูรณ์ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือ การเทจากขวดโดยตรง ซึ่งน้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ถูกออกแบบให้เทง่าย ไม่เหนียวเหนอะ เนื่องจากเวลาที่กระจกสัมผัสถูกน้ำยาจะไม่พร้อมกัน จะเกิดรอยด่างของขอบน้ำยาขึ้นได้ การเทให้เริ่มเทจากนอกรูปเสมอ 
 4. น้ำยาหนามากกว่า 3 มิลลิเมตร  หรือสามเหรียญบาทซ้อนกัน หากน้ำยาที่เทลงบนกระจก มีความหนาไม่สม่ำเสมอกัน จะเกิดรอยฝ้าที่ไม่สม่ำเสมอกัน ให้รักษาระดับ น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี หนาอย่างน้อย 3 มิลลิเมตร ปฎิกริยาที่เกิดจะสมบูรณ์ที่สุด 
  การเตรียมอุปกรณ์สลักลายกระจก แก้ว หรือเซรามิค  
·         วัสดุที่ต้องการสลักลวดลาย เช่น กระจกเงา กระจกใส แก้วน้ำ หรือเซรามิค กระจกที่ใช้จะต้องเป็นกระจกอย่างดีเท่านั้น ขอแนะนำกระจกยี่ห้อการ์เดียน และยี่ห้ออาซาฮี เนื่องจากกระจกบางยี่ห้อใช้วัตถุดิบคุณภาพไม่ได้มาตราฐาน มีผลอย่างมากกับน้ำยากัดกระจก
·         ลวดลายที่ต้องการ จะต้องเป็นลายขาวดำ หรือลายที่มีสีไม่เกิน 2 สี เนื่องจากหากเป็นหลายเฉดสี จะแยกไม่ออก ว่าจะต้องสลักลายที่ส่วนไหน ไม่ควรเลือกลวดลายที่เป็นลายเส้น ให้นำลวดลายที่เตรียมไว้ไปถ่ายเอกสาร ย่อหรือขยาย ให้ได้ขนาดที่ต้องการ 
·         สติกเกอร์พีวีซี เนื่องจากสติกเกอร์พีวีซีมีคุณสมบัติในการกันไม่ให้ น้ำยาสลักลายกระจกจีเอ็มซี ทำปฎิกริยากับกระจก สติ๊กเกอร์มีให้เลือกหลายสี สีขาวก็จะมีราคาถูกกว่าสีอื่น ควรเลือกสติกเกอร์ที่มียี่ห้อ เช่น Kodak , Agfa, Konica ฯลฯ เนื่องจากคุณภาพกาว ที่ดีกว่าสติกเกอร์ทั่วไป ไม่ควรเลือกสติกเกอร์กระดาษ และไม่ควรเลือกสติกเกอร์ใส เนื่องจากจะสังเกตรอยตัดยาก   สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป ขนาดของสติกเกอร์ที่ใช้จะต้องเผื่อให้ใหญ่กว่ากระจกอย่างน้อย 2 นิ้ว 
·         กาวแท่ง ( Stick Glue ) ยี่ห้อใดก็ได้ 
·         มีดคัตเตอร์ทั่วไป หรือหากต้องการตัดง่าย ควรใช้คัตเตอร์อาร์ทแทนคัตเตอร์ธรรมดา เนื่องจากลักษณะเหมือนปากกา สามารถหมุนตามสรีระได้ดีกว่า 
·         น้ำยาล้างจาน เพื่อทำความสะอาดกระจกก่อนใช้งาน 
·         น้ำสะอาด สำหรับล้างชิ้นงาน 
·         ผ้าสะอาด สำหรับเช็ดกระจก 
·         น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี มีให้เลือก 2 ชนิดคือ ชนิดสลักลายฝ้าขาว และชนิดกัดลึก  ดูรายละเอียดได้ที่หมวด Product / ผลิตภัณฑ์

  น้ำยาสลักลายฝ้าขาวชนิดครีมและชนิดน้ำ  



 น้ำยากัดลายกระจกลึก  

  ขั้นตอนการสลักลายฝ้าขาว ด้วยครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี และน้ำยาสลักลายกระจกจีเอ็มซีชนิดน้ำ 
  การใช้ครีมสลักลายกระจก จีเอ็มซี  
1. ทำความสะอาดกระจก  ด้วยน้ำยาล้างจานและน้ำเปล่า ลบรอยเปื้อนต่างๆ ออกให้สะอาด
2. ลอกสติกเกอร์ติดลงบนกระจก  อย่าให้มีฟองอากาศค้าง ห้ามใช้น้ำช่วย เนื่องจาก คุณภาพกาวจะอ่อนลง อาจทำให้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี ซึมผ่านได้   สติกเกอร์ที่ใช้จะต้องเผื่อให้ใหญ่กว่ากระจกอย่างน้อย 2 นิ้ว   ขั้นตอนการติดคือ พับสติกเกอร์ตลอดแนวด้านกว้างประมาณ นิ้ว ลอกกระดาษหลังสติกเกอร์ด้านที่พับ 1 นิ้วออก ติดสติกเกอร์ที่ลอกลงบนโต๊ะให้เรียบและตรง จากนั้นนำกระจกไปวางไว้หลังสติกเกอร์ ให้สัมผัสกับสติกเกอร์ที่ติดลงบนโต๊ะ ดึงกระดาษที่พับออกเล็กน้อย ใช้ไม้บรรทัดแข็งๆ รีดสติกเกอร์ไปบนกระจกช้าๆ ไล่อากาศไปจนสุดปลายอีกด้านหนึ่ง อย่าลอกสติกเกอร์ออกมาทีเดียวทั้งแผ่น จะติดยากมาก และไฟฟ้าสถิตย์บนกระจก อาจจะดูดสติกเกอร์จน ทำให้เกิดฟองอากาศค้างได้ จากนั้นนำกระดาษหลังสติกเกอร์ที่เหลือไปติดทับด้านหลังกระจก (ใช้กระดาษด้านที่ไม่มัน) เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้หลังกระจกเป็นรอยได้ หรือป้องกันปรอทหลังกระจกหลุดได้ในกรณีที่ใช้กระจกเงา
3. ทากาวหลังกระดาษลายที่เตรียมไว้ให้ทั่ว  ควรทาให้ทั่วลวดลาย อย่าทาหนาเกินไป เพราะหลังจากตัดเสร็จ จะต้องแกะกระดาษที่เหลือออก จะแกะยาก การติดลายควรจัดสมดุลรูปให้สวยงาม
4. ใช้มีดคัตเตอร์ตัดบนกระดาษลาย  ตัดให้ผ่านสติกเกอร์ รอบส่วนที่ต้องการสลักลาย จากนั้นงัดกระดาษลายและสติกเกอร์ในส่วนนั้นออก จนเห็นผิวกระจก มีดที่ใช้ตัดจะต้องคม อย่าออกแรงตัดมากจนเกินไป กระจกจะเป็นรอยบิ่นได้
5. ทำความสะอาดกระจกอีกครั้ง  โดยลอกกระดาษลายส่วนที่เหลือออกทั้งหมด จนเหลือแต่สติกเกอร์ที่มีช่องที่ตัดแล้ว การงัดสติกเกอร์ อาจเกิดคราบยางเหนียว หลงเหลือบนกระจกได้ ทั้งนี้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี จะทำปฎิกริยากับคราบยางได้ไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดคราบยางสติกเกอร์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ตัดเศษสติกเกอร์ใหม่ ออกมาเป็นเส้นยาวประมาณ 5 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 1 เซ็นติเมตร ใช้มือจับปลายทั้งสองข้างของสติกเกอร์ แล้วนำไปกดบริเวณที่มีคราบยางสติกเกอร์ ให้ใช้เล็บกดช่วยด้วยแล้วจึงดึงออก จะดูดคราบยางออกมาได้ดี อีกวิธีคือ ใช้ผ้าสะอาดที่ไม่มีขุย ชุบแอลกอฮอลล์ล้างแผล เช็ดเอาคราบยางออก เมื่อคราบยางออกหมดแล้ว ให้ใช้ผ้าแห้งสะอาดที่ไม่มีขุย เช็ดทำความสะอาดอีกรอบ สังเกตุให้เห็นกระจกมันวาวที่สุด นำกระจกไปตากแดดจัดๆ สัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อไล่ความชื้นใต้สติกเกอร์ จะทำให้ลายที่สลักคมชัดมากขึ้น ความสะอาดมีผลอย่างมากกับงาน
6. เขย่าขวดครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี  เพื่อให้สารเคมีรวมตัวกันสมบูรณ์ เอียงกระจกเล็กน้อย จากนั้นเทจากขวดโดยตรง ลงบนชิ้นงานให้เร็ว ห้ามใช้ช้อนตัก จะช้าเกินไป เริ่มต้นเทจากจุดที่สูงสุดของกระจกที่เอียงนอกบริเวณที่ต้องการสลักลาย เทไปในแนวซ้ายขวา ครีมจะไหลลงมาจสู่จุดที่ต่ำกว่า ไล่ไปจนทั่ว สามารถใช้ช้อนพลาสติกช่วยเกลี่ยได้ ระวังอย่าให้ช้อนสัมผัสถูกกระจก อาจเกิดรอยช้อนได้ ข้อควรระวังคือ แต่ละส่วนของรูปจะต้องสัมผัสถูกน้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ในเวลาที่ใกล้เคียงกันที่สุด หากเว้นช่วงนานเกินไป อาจเกิดรอยขอบน้ำยาขึ้นได้ รักษาระดับครีมสลักลายกระจก ให้มีความหนาสม่ำเสมอกัน ไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร หรือ3เหรียญบาทซ้อนทับกัน อย่าให้บางเกินไป ปฎิกริยาจะไม่สมบูรณ์ หากมีฟองอากาศขนาดใหญ่ ให้ใช้ไม้จิ้มฟันสกิดออก ตั้งแต่ขั้นตอนนี้ควรสวมถุงมือยางทุกครั้ง

7. ทิ้งไว้ 20 นาที

8. ปาดครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซีเก็บลงขวดเดิม  เพื่อนำกลับมาใช้ได้อีก จนกว่าจะหมดฤทธิ์ ( ประมาณ 5-10 รอบ ขึ้นอยู่กับพื้นที่งาน ) นำชิ้นงานไปล้างน้ำไหล ควรใช้พู่กันล้างคราบน้ำยาออกให้หมด ( ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี จะล้างออกไม่ยากเนื่องจากไม่มีส่วนผสม ของน้ำมัน หรือน้ำมันก๊าซ ) เช็ดหรือเป่าให้แห้ง สำรวจผลงานดูก่อน หากยังไม่สมบูรณ์ สามารถซ่อมงานได้ โดยการลง ครีมสลักลายกระจก ซ้ำด้วยวิธีเดิมอีกรอบให้ทั่วรูป แต่ใช้เวลา 10 นาที งานที่ไม่สมบูรณ์อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ไม่ได้เขย่าขวดก่อนใช้ หรือ ลงน้ำยาช้าเกินไป หรือ น้ำยาบางเกินไป หรือ น้ำยาหมดฤทธิ์
9. เมื่อผลงานสมบูรณ์ให้ลอกสติกเกอร์ออกได้เลย  นำไปล้างน้ำอีกครั้ง เช็ดหรือเป่าให้แห้ง นำไปใส่กรอบรูป เป็นอันเสร็จสมบูรณ์หากใช้ครีมสลักลายกระจก จีเอ็มซี
ครีมสลักลายกระจก จีเอ็มซี ที่ใช้แล้ว สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายรอบจนกว่าจะหมดฤทธิ์  ครีมสลักลายกระจกที่ผ่านการใช้งานอาจจะมีเศษตะกอนของกระจกที่จับตัวกันเป็นเม็ด การนำกลับมาใช้ซ้ำ จะต้องนำมากรองก่อนใช้งานทุกครั้ง ด้วยกระชอนกรองเม็ดส้ม ที่เป็นพลาสติกเท่านั้น กระชอนกรองนี้สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป 


  การใช้น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ชนิดน้ำ  
น้ำยาสลักลายกระจก จีเอ็มซี ชนิดน้ำ ให้ทำทุกขั้นตอนเหมือนกับการใช้ครีมสลักลายกระจก ยกเว้น จะต้องสร้างกระทง เพื่อกักเก็บน้ำยาทุกครั้ง โดยให้ใช้สติกเกอร์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าชิ้นงานอย่างน้อย 2 นิ้ว ติดให้ขอบสติกเกอร์เลยออกนอกกระจก ด้านละ 1 นิ้ว ใช้กระดาษมันหลังสติกเกอร์ ดามไว้ด้านหลังอีกชั้น จะได้งานลักษณะ ดังนี้คือ สติกเกอร์อยู่ด้านบนกระจกอยู่ตรงกลาง กระดาษมันอยู่ด้านหลัง ทำขั้นตอนอื่นตามเดิม ก่อนเทน้ำยาลงไปจะต้องนำกระจกไปตากแดดจัดๆ 2-3 ชั่วโมง (จำเป็นอย่างยิ่ง)  จากนั้นให้พับขอบปีกที่เลยออกไปตั้งฉากขึ้น 90 องศาทุกด้าน ใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บที่มุมทั้งสี่มุม การแช่น้ำยาต้องไม่เกิน 20 นาที สำหรับการสลักลายฝ้าขาว
   ขั้นตอนการกัดลายกระจกลึก ด้วยน้ำยากัดลายกระจกลึกจีเอ็มซี  
1. ทำความสะอาดกระจก  ด้วยน้ำยาล้างจานและน้ำเปล่า ลบรอยเปื้อนต่างๆ ออกให้สะอาด
2. ลอกสติกเกอร์ติดลงบนกระจก  อย่าให้มีฟองอากาศค้าง ห้ามใช้น้ำช่วย เนื่องจาก คุณภาพกาวจะอ่อนลง อาจทำให้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี ซึมผ่านได้   สติกเกอร์ที่ใช้จะต้องเผื่อให้ใหญ่กว่ากระจกอย่างน้อย 2 นิ้ว   ขั้นตอนการติดคือ พับสติกเกอร์ตลอดแนวด้านกว้างประมาณ 1 นิ้ว ลอกกระดาษหลังสติกเกอร์ด้านที่พับ 1 นิ้วออก ติดสติกเกอร์ที่ลอกลงบนโต๊ะให้เรียบและตรง จากนั้นนำกระจกไปวางไว้หลังสติกเกอร์ ให้สัมผัสกับสติกเกอร์ที่ติดลงบนโต๊ะ ดึงกระดาษที่พับออกเล็กน้อย ใช้ไม้บรรทัดแข็งๆ รีดสติกเกอร์ไปบนกระจกช้าๆ ไล่อากาศไปจนสุดปลายอีกด้านหนึ่ง อย่าลอกสติกเกอร์ออกมาทีเดียวทั้งแผ่น จะติดยากมาก และไฟฟ้าสถิตย์บนกระจก อาจจะดูดสติกเกอร์จน ทำให้เกิดฟองอากาศค้างได้ จากนั้นนำกระดาษหลังสติกเกอร์ที่เหลือไปติดทับด้านหลังกระจก (ใช้กระดาษด้านที่ไม่มัน) เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้หลังกระจกเป็นรอยได้ หรือป้องกันปรอทหลังกระจกหลุดได้ในกรณีที่ใช้กระจกเงา
3. ทากาวหลังกระดาษลายที่เตรียมไว้ให้ทั่ว  ควรทาให้ทั่วลวดลาย อย่าทาหนาเกินไป เพราะหลังจากตัดเสร็จ จะต้องแกะกระดาษที่เหลือออก จะแกะยาก การติดลายควรจัดสมดุลรูปให้สวยงาม
4. ใช้มีดคัตเตอร์ตัดบนกระดาษลาย  ตัดให้ผ่านสติกเกอร์ รอบส่วนที่ต้องการสลักลาย จากนั้นงัดกระดาษลายและสติกเกอร์ในส่วนนั้นออก จนเห็นผิวกระจก มีดที่ใช้ตัดจะต้องคม อย่าออกแรงตัดมากจนเกินไป กระจกจะเป็นรอยบิ่นได้
5. ทำความสะอาดกระจกอีกครั้ง  โดยลอกกระดาษลายส่วนที่เหลือออกทั้งหมด จนเหลือแต่สติกเกอร์ที่มีช่องที่ตัดแล้ว การงัดสติกเกอร์ อาจเกิดคราบยางเหนียว หลงเหลือบนกระจกได้ ทั้งนี้ ครีมสลักลายกระจกจีเอ็มซี จะทำปฎิกริยากับคราบยางได้ไม่สมบูรณ์ จึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดคราบยางสติกเกอร์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ตัดเศษสติกเกอร์ใหม่ ออกมาเป็นเส้นยาวประมาณ 5 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 1 เซ็นติเมตร ใช้มือจับปลายทั้งสองข้างของสติกเกอร์ แล้วนำไปกดบริเวณที่มีคราบยางสติกเกอร์ ให้ใช้เล็บกดช่วยด้วยแล้วจึงดึงออก จะดูดคราบยางออกมาได้ดี อีกวิธีคือ ใช้ผ้าสะอาดที่ไม่มีขุย ชุบแอลกอฮอลล์ล้างแผล เช็ดเอาคราบยางออก เมื่อคราบยางออกหมดแล้ว ให้ใช้ผ้าแห้งสะอาดที่ไม่มีขุย เช็ดทำความสะอาดอีกรอบ สังเกตุให้เห็นกระจกมันวาวที่สุด นำกระจกไปตากแดดจัดๆ สัก 1-2 ชั่วโมง เพื่อไล่ความชื้นใต้สติกเกอร์ จะทำให้ลายที่สลักคมชัดมากขึ้น ความสะอาดมีผลอย่างมากกับงาน
6. สร้างกะบะขังน้ำยา  พับขอบสติกเกอร์ส่วนที่ยื่นออกมานอกกระจกขึ้นทุกด้าน ใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บมุมทั้ง 4 มุมจะได้ชิ้นงานที่มีรูปทรงเหมือนกะบะ
7. เขย่าขวดน้ำยากัดลายกระจกลึกจีเอ็มซี  เพื่อให้สารเคมีรวมตัวกันสมบูรณ์ เทน้ำยาลงบนชิ้นงานให้เร็ว ให้มีความหนาสม่ำเสมอกัน ไม่น้อยกว่า3มิลลิเมตร หรือ3เหรียญบาทซ้อนทับกัน อย่าให้บางเกินไป ปฎิกริยาจะไม่สมบูรณ์ เมื่อน้ำยาสัมผัสถูกผิวกระจก จะเกิดคราบสีขาวบนกระจก ให้ใช้พู่กันแบนเบอร์ใหญ่กวาดล้างคราบขาวบนผิวกระจกให้ทั่ว จะเป็นการทำความสะอาดผิวกระจกซ้ำในตัว จะทำให้ได้ลวดลายที่สม่ำเสมอกันยิ่งขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนนี้ควรสวมถุงมือยาง ใช้ผ้าปิดจมูก และยืนเหนือลมทุกครั้ง
8. ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง 
9. เทน้ำยาออก  น้ำยากัดลายกระจกลึกออกแบบให้ใช้ได้ผลสมบูรณ์รอบเดียว แต่อาจมีฤทธิ์หลงเหลืออยู่ ให้เททิ้งลงในถาดพลาสติกบรรจุทรายเพื่อทำให้น้ำยาหมดฤทธิ์ จากนั้นนำชิ้นงานไปล้างน้ำไหล ควรใช้พู่กันล้างคราบขาวออกให้หมด เช็ดหรือเป่าให้แห้งทันที
10. ลอกสติกเกอร์ออก  นำไปล้างน้ำอีกครั้ง เช็ดหรือเป่าให้แห้งทันที นำไปใส่กรอบรูป เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

วัสดุ / อุปกรณ์งานสลักลายกระจก

-    กระจก อาจใช้กระจกเงา  ใส  หรือชาดำ ก็ได้
-    สติกเกอร์   มีคุณภาพดี ไม่ควรใช้สติกเกอร์ใส
-    น้ำยาทำความสะอาดกระจก
-    หนังสือพิมพ์  ใช้สำหรับรองชิ้นงาน และทำความสะอาดกระจก
-    รูปต้นแบบ  อาจจะเป็นภาพวาด หรือ ถ่าย เอกสารก็ได้
-    กาวสเปรย์ 3M ใช้ฉีดด้านหลังของภาพต้นแบบ  (สามารถตัดสติกเกอร์ได้ทันทีไม่ต้องรอให้กาวแห้ง)
-    มีดคัตเตอร์  ใช้ตัดสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนแผ่นกระจก ไม่ควรตัดซ้ำหลายๆครั้ง
-    ดินน้ำมัน  ใช้ทำขอบกั้นน้ำกรดที่ใช้สลักลาย
-    กรดสลักลายกระจก (ชนิดสลักลึก)  ใช้สลักลายกระจก   (คือ กรดไฮโดรฟลูออริก HF)
-    กรดสลักลายกระจก (ชนิดสลักฝ้า) ใช้สลักลายกระจก หรือใช้วัสดุอื่น  
-    แปรงสำหรับทำความสะอาดกระจก หลังจากการสลักลายแล้วเสร็จ
-    น้ำยาลงทอง  (ยางรัก)  ใช้ทากระจก
-    ทองคำเปลว 100%  ใช้ปิดลงบนชิ้นงานหลังจากทาน้ำยางลงทอง
-    ผงทอง  ใช้ปิดลงบนชิ้นงานหลังจากทาน้ำยางลงทอง
-    ภู่กันขนาดต่างๆ  3, 5, 10 มิลลิเมตร  ใช้ทากระจกฯ  (ขึ้นอยู่กับชิ้นงาน)
-    ใบมีดคัตเตอร์  ใช้เป็นใบมีดสำรอง
-    ทินเนอร์  ใช้ล้างทำความสะอาดภู่กัน
-    สำลี  ใช้ชุบทินเนอร์ทำความสะอาดคราบสกปรก

วิธีการสลักลายกระจก
2.    การติดสติกเกอร์
    2.1      เลือกสติกเกอร์ที่มีคุณภาพดี  มียี่ห้อ
    2.2      ควรใช้สติกเกอร์สีขาวผิวเรียบ
    2.3      นำไปติดกับที่แผ่นกระจกที่เตรียมไว้และรีดไล่ฟองอากาศออกให้เรียบ
    2.4      ถ้าหากยังไม่เรียบให้ดึงสติกเกอร์ขึ้นมาอีกครั้งและทำการรีดซ้ำจนเรียบ

คำแนะนำ
    2.1.1    ไม่ควรเลือกสติกเกอร์ใสเพราะเวลาตัดจะไม่สามารถแยกสติกเกอร์หรือกระจกได้ในกรณีที่เป็นกระจกเงา
    2.1.2    ไม่ควรใช้สติกเกอร์ หนาเกินไป
    2.1.3    สติกเกอร์ที่ใช้ต้องมีคุณภาพดีไม่มีกาวติดกระจก (ขณะที่ดึงสติกเกอร์ออก)
    2.1.4    ควรนำกระดาษรองแผ่นสติกเกอร์ไปรองด้านหลังของกระจกเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
    2.1.5    สติกเกอร์ควรจะมีขนาดใหญ่กว่ากระจก ข้างละ 1 นิ้ว เพื่อสะดวกในการปิดทับกระดาษรอง กระจกด้านหลัง
3.  การเลือกรูปภาพต้นแบบ
    3.1    ถ้าในกรณีที่เป็นการฝึกหัด ควรเลือกภาพที่ลวดลายที่ไม่สลับซับซ้อนมากนัก
    3.2    หรืออาจจะวาดภาพขึ้นมาเอง  เช่น สัญลักษณ์ต่างๆ หรือภาพวิวภาพเหมือน และภาพอื่น ๆ
    3.3    ตัดภาพต้นแบบโดยมีระยะห่างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
    3.4    จัดวางตำแหน่งของรูปภาพต้นแบบ ให้เหมาะสม จากนั้นทำเครื่องหมายให้ชัดเจน

คำแนะนำ
    3.1.1    การติดรูปภาพต้นแบบควรจะให้เหลือขอบอย่างน้อย 1 นิ้วขึ้นไป  (เพื่อให้สามารถกั้นดินน้ำมันได้)
    3.1.2    หากไม่มีการตัดรอบรูปภาพต้นแบบ ขณะเทน้ำกรดฯ ลง ที่ชิ้นงานจะทำให้น้ำกรดซึมผ่านกระดาษต้นแบบ ก่อให้เกิดความเสียหายได้
4.  การผนึกรูปภาพ
   4.1  ควรใช้กาวคุณภาพดี มีขายตามห้างร้านทั่วไป  (แต่ราคาจะแพง)  หลังจากที่ผนึกภาพ สามารถติดสติกเกอร์ได้ทันที  (กาวสเปรย์  3M)
   4.2  หรือใช้กาวหลอดทาด้านหลักรูปและนำมาผนึกบนสติกเกอร์ จะทิ้งไว้ให้แห้ง ประมาณ 20-30นาที

คำแนะนำ
    4.1.1    ควรผนึกรูปให้เรียบเพื่อความสะดวกในการตัดสติกเกอร์
    4.1.2    รูปต้นแบบควรจะอยู่กึ่งกลางของชิ้นงานเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
5.  การตัดสติกเกอร์
    5.1    การตัดสติกเกอร์  ควรเลือกตัดสีขาว หรือสีดำ (ขึ้นอยู่กับชิ้นงาน)
    5.2    ตัดสติกเกอร์ที่จุดเล็กที่สุดหรือจุดที่ยากที่สุดก่อนทุกครั้ง
    5.3    ตั้งมีดให้ตรง จากนั้นลากไปตามที่ต้องการ  ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรยกใบมีด  ขึ้น-ลง จะทำให้
    5.4    บริเวณที่ตัดไ ม่สวยงาม หรือมีหลายเส้น
    5.5    น้ำหนักที่กดใบมีด ต้องสม่ำเสมอ
    5.6    หากกดใบมีดแรงเกินไป จะทำให้ใบมีดหัก
    5.7    การตัดสติกเกอร์ควรจะตัดเป็นลำดับ เช่น  จากบนลงล่าง ตามขั้นตอน

คำแนะนำ
    5.1.1  เศษสติกเกอร์ที่ตัดและลอกออกมาควรติดไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของกระจก เพื่อสะดวกในการเก็บและไม่สกปรก
6.  การกั้นดินน้ำมัน
    6.1  นำดินน้ำมันมาทุบเบาๆ จากนั้น คลึงไป- มา ให้เป็นเส้นยาวพอประมาณ เส้นผ่าศูนย์  - กลาง  2- 3 เซนติเมตร
    6.2  กดดินน้ำมันลงบนสติกเกอร์ให้แน่น อาจเป็นสี่เหลี่ยม วงกลมหรือวงรีก่อน

คำแนะนำ
    - ดินน้ำมันควรจะนำมทุบให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อนที่จะนำไปกั้นน้ำกรดสลักลาย
    - การกดดินน้ำมันควรกดลงในแนวดิ่ง  เพื่อป้องกันมิให้น้ำกรดฯ ไหลซึมผ่านออกไป
    - ไม่ควรนำดินน้ำมันตากแดด (ในขณะที่ติดชิ้นงานแล้ว)  เพราะจะทำให้เกิดการอ่อนตัวและ   ละลายได้จะทำให้น้ำกรดไหลออกจากชิ้นงาน         
7.  การเทน้ำกรดสลักลาย
     7.1    การเทกรดสลักลายควรเทในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกควรสวมถุงมือยาง และมีผ้าปิดจมูกทุกครั้งเทกรดสลักลาย อย่างระมัดระวังอย่าให้โดนให้โดนผิวหนังหรือส่วนอื่นของร่างกายก่อนทำการเทกรดฯควรรองชิ้นงานได้ระดับสม่ำเสมอ  การสลักลายจะเกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น

คำแนะนำ
    7.1.1    ไม่ควรเทกรดสลักลายตากแดดที่จ้า เพราะจะทำดินน้ำมันละลาย
    7.1.2    ควรกดดินน้ำมันต้องยึดกับชิ้นงานให้ดี จนกว่าจะแน่ใจว่าน้ำกรดฯ ไม่มีการไหลซึมผ่านได้
8.  การทำความสะอาดชิ้นงาน
    8.1    นำชิ้นงานที่ทำการสลักลายแล้วต้องนำมาล้างและทำความสะอาดโดยการใช้น้ำสะอาด  พร้อมแปรงขัดถูคราบสกปรกออกให้หมด
    8.2    การล้างควรเปิดน้ำผ่านเพื่อให้กระจกมีความสะอาดเป็นเงางามปราศคราบสกปรก
    8.3    หากส่วนใดต้องการจะสลักลายให้เกิดเป็นฝ้าสีขาวขุ่นควรใช้แปรงขัดบริเวณนั้นให้สะอาด
9.  การตกแต่งชิ้นงาน
    9.1    ใช้พู่กันจุ่มสีลงทอง  (หรือยางรัก)  ทาบนผิวกระจกในส่วนที่ต้องการให้เป็น  สีทองให้ทั่ว  และสม่ำเสมอ
    9.2    ควรทาสีลงทองอย่างพอเหมาะไม่มากหรือน้อยจนเกินไป  หากทาสีลงทองมากไปจะทำให้ทองคำเปลวหรือทองผงเกิดรอยย่น  ขาดความสวยงาม
    9.3    ใช้ทองผงเทลงในส่วนที่เตรียมไว้ใช้แปรงขนอ่อนขัดเบา ๆ ให้ทั่วชิ้นงาน
    9.4    เมื่อชิ้นงานแห้งสนิทแล้วใช้ใบมีดคัตเตอร์ขูดเก็บงานส่วนที่เกินหรือส่วนที่เราไม่ต้องการออกให้หมด จากนั้นนำไปทำกรอบรูปเพื่อจำหน่าย  หรือมอบเป็นของที่ระลึก ต่อไป

วิธีพับธนบัตรให้เป็นดอกกุหลาบ มอบในวันวาเลนไทน์



เริ่มจากพับครึ่งธนบัตร

ด้านที่มีพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ด้านล่างจากจุดกึ่งกลาง พับด้านขวาเข้ามาดังรูป
 

พับด้านซ้ายเข้าไป ก็จะได้เป็นมุมแหลมแบบนี้


รีดมุมกระดาษให้เรียบ แล้วพับมุมกระดาษไปด้านหลัง


 ด้านหลังเป็นแบบนี้ค่ะ


 

ธนบัตรอีกด้านก็ให้พับแบบเดียวกัน (ไม่ต้องพลิกธนบัตรขึ้น พระบรมฉายาลักษณ์จะต้องอยู่ด้านหลัง)พับเสร็จทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ก็กางธนบัตรออก แล้วม้วนริมธนบัตรเข้ามาโดยใช้สันไม้บรรทัดช่วย แต่เราชอบใช้ไม้เสียบลูกชิ้นมากกว่า


 ธนบัตรจะมี 4 มุม คู่หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามจะม้วนเข้าหากัน อีกคู่หนึ่งจะม้วนออกจากกันม้วนแบบนี้เฉพาะธนบัตรใบแรกที่จะทำเป็นกลีบดอกชั้นใน  สุด หรือทำดอกตูมเท่านั้นม้วนริมแล้วจะได้แบบนี้




จากนั้น พับเข้าหากัน





การพับให้พับด้านที่ม้วนริมเข้ามาก่อน แล้วเอาด้านที่ม้วนริมออก ทับตามหลัง แล้วก็พับมุมแหลมไปด้านหลัง (เป็นมุมที่พับเอาไว้แล้วในตอนแรก ตามรูปความเห็นที่ 4,5)



อีกด้านก็จะทำเหมือนกัน

 

พับมุมแหลมอีกด้านเข้าหากัน พลิกดูด้านล่างจะเป็นแบบนี้

 

อันนี้ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเป็นไม้เสียบลูกชิ้นหรือตะเกียบไม้ไผ่กลมอันเล็ก ๆ ใช้ไม้กระทุ้งด้านใน เพื่อให้เรารีดเทปติดกับธนบัตรได้แน่นยิ่งขึ้น

เสร็จแล้ว...กลีบดอกชั้นใน หรือจะใช้เป็นดอกตูมก็ได้
 

กลีบดอกชั้นที่ 2 ก็พับแบบเดียวกัน



กลีบดอกตั้งแต่ชั้นที่ 2 เป็นต้นไป ต้องม้วนริมออกทุกด้าน


พลิกด้านหลังที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ จะเป็นแบบนี้
 

ม้วนเทปใสให้เป็นวงกลม โดยเอาด้านที่มีกาวออก(ทำเหมือนเป็นเทป2หน้า) แปะติดกับด้านล่างของกลีบดอกชั้นที่ 1  นำกลีบดอกชั้นที่ 1 มาวางกลางธนบัตรที่จะทำกลีบดอกชั้นที่ 2 โดยมีเทปใสเป็นตัวยึดให้ติดกัน
 


วางแบบนี้



พับธนบัตรทางขวาเข้ามาก่อนแล้วพับทางซ้ายตาม หรือจะพับทางซ้ายเข้าก่อน แล้วพับขวาตามก็ได้ (จะพับตามรอยที่ได้พับไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว)



พับมุมแหลมไปทางด้านล่าง
 

อีกด้านก็ทำแบบเดียวกันพับมุมลงมาเข้าหากันแล้วติดเทปใส
 

อีกด้านก็ทำแบบเดียวกันพับมุมลงมาเข้าหากันแล้วติดเทปใส
เสร็จแล้ว ดอกแย้ม ใช้ธนบัตร 2 ใบ


ทำกลีบดอกชั้นที่ 3 เพื่อให้เป็นดอกบานออกมาหน่อย ก็ทำแบบเดียวกับการทำกลีบดอกชั้นที่ 2


ดอกบานจะใช้ธนบัตร 3 - 4 ใบก็ได้ค่ะ วิธีทำก็เหมือนกัน

วิธีประกอบเข้ากับก้าน

อุปกรณ์
1. ก้านสำเร็จรูป
2. ใบกุหลาบ 4 ใบ
3. กาวเอนกประสงค์ UHU
4. ฟลอร่าเทป 5. เทป 2 หน้าขนาด 0.5 ซม.



นำใบกุหลาบ 4 ใบมาติดเข้ากับปลายก้าน พันให้แน่นด้วยฟลอร่าเทป เพื่อใช้เป็นกลีบเลี้ยงและเป็นตัวยึดให้ดอกกุหลาบติดกับก้าน


กางใบกุหลาบออก โดยให้ด้านที่มีลวดดามไว้หงายขึ้น ดังรูป

ติดเทป 2 หน้าที่ใบกุหลาบทุกใบ และให้รีดเทป 2 หน้าเพื่อให้ติดกับใบแน่นขึ้นฐานของดอกกุหลาบ ก็ให้ติดเทป 2 หน้าด้วย
ลอกเทป 2 หน้าออก หยอดกาว UHU เล็กน้อยที่ปลายก้าน



ลอกเทป 2 หน้าที่แปะไว้ที่ฐานของดอกกุหลาบ นำดอกมาวางตรงกลางก้านดอกที่ทำเอาไว้แล้วโดยวางให้ฐานดอกที่ติดเทป 2 หน้าไว้ ตรงกับปลายก้านที่หยอดกาว UHU เอาไว้


พับใบกุหลาบขึ้น ให้แนบติดกับดอก รีดส่วนที่ติดเทป 2 หน้าเอาไว้ ให้ติดแน่นกับดอกกุหลาบ ได้แล้วค่ะ กุหลาบ 1 ดอก ใช้ธนบัตร 3 ใบ
ขอขอบคุณ ท่านแอบมึนมิวสิค แห่ง ไซเบอร์มิวสิคไอที  จิตกร จินตะการ ผู้นำเข้าบทความสาระน่ารู้








วิธีปลูกกลัวย กลิ่นสตอเบอร์รี่่ จาก อ.Nirut Uttha  โรงเรียนแก้จน จ.ขอนแก่น

วิธีการที่ผมทำง่ายๆคือ .. เมื่อตัดปลีกล้วยแล้ว .. ก็นำกระบอกฉีดยาขนาด ๑๐ ซ๊ซ๊.ที่บรรจุสารน้ำกลิ่น

สตรอเบอร์รี่ .. ปักเข็มเข้าไปตรงกลางต้นกล้วยบริเวณปลายยอด.. ให้ปลายเข็มแทงเข้าไปใส้กล้วย .

. ปีกคาเอาไว้ ประมาณ ๑ สัปดาห์ .. แล้วดันน้ำยาสตรอเบอร์รี่เข้าไปสัปดาห์ละ ๒ ซีซี. ติดต่อกันเป็น

เวลา ๘ สัปดาห์หรือ ๒ เดือน .. ห่อกล้วยด้วยถุงปุ๋ย .. พอกล้วยสุกก็จะได้กล้วยรสสตรอเบอร์รี่ .. มีรส

หอมหวานกลิ่นสตรอเบอรี่.. หากท่านใดต้องการให้มีกลิ่นสตรอเบอร์รี่มากขึ้น .. ก็ให้เพิ่มปริมาณการฉีด

สารฯ เป็นสัปดาห์ละ ๓ ซีซี. ก็ได้นะครับ
                                                 



แสงสว่างจากขวดน้ำ ประหยัดไฟ ได้ถึง 10%
http://www.creativemove.com/design/liter-of-light/


ทำได้ เกิดมูลค่า อาชีพเสริม  (ไม้กวาดจากขวดพลาสติก)
http://www.creativemove.com/design/bottle-broomstick/


มาทำความรู้จักกับ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คนใหม่กัน
นายพงษ์เทพ  เทพกาญจนา
http://blog.eduzones.com/socialdome/100250#.UI0qFY0upfo.facebook
สิวบอกโรค
ตำแหน่งสิวบนใบหน้า สามารถบ่งบอกอารมณ์และโรคร้ายได้อย่างคาดไม่ถึง (ไทยโพสต์)
วิธีการสังเกตถึงสุขภาพภายในร่างกายของเรา จากการวิเคราะห์สภาพผิว Face Mapping ด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้นที่ว่า "ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ"    โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก ได้นำเสนอหลักการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ Face Mapping ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวทั่วไป โดยแบ่งเป็นโซนได้ ดังนี้
@@ โซนที่ 1 และ 3 : หน้าผากด้านซ้ายและขวา @@
เกี่ยวข้องกับ "ระบบย่อยอาหาร" "กระเพาะปัสสาวะ" "ต่อมหมวกไต"ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นจึงต้องดื่มน้ำมากขึ้น และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
@@ โซนที่ 2 : หว่างคิ้ว @@
เกี่ยวข้องกับ "ตับ"อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) รวมถึงการทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึก และนอนดึกเกินไป
@@ โซนที่ 4 และ 10 : ใบหูทั้ง 2 ข้าง @@
เกี่ยวข้องกับ "ไต"อาจเกิดจากการล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือรับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป ฟันกรามมีปัญหา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน
หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง
@@ โซนที่ 5 และ 9 : แก้ม @@
แก้มส่วนบน เกี่ยวข้องกับ "ไซนัสและปอด"
แก้มส่วนล่าง เกี่ยวข้องกับ "เหงือกและฟัน"
สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัดหรือแพ้ควันบุหรี่ เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม แต่ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้ม อาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่าง อาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
@@ โซนที่ 6 และ 8 : รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง @@
เกี่ยวข้องกับ "ไต" และ "ภูมิแพ้"
สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีการระคายเคือง อาจมาจากโรคภูมิแพ้ หรือการขาดสารอาหาร
@@ โซนที่ 7 : จมูกและบริเวณเหนือริมฝีปาก @@
เกี่ยวข้องกับ "หัวใจ" และ "ระบบสืบพันธุ์"แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง
@@ โซนที่ 11 และ 13 : ใต้ริมฝีปากด้านซ้ายและขวา @@
เกี่ยวข้องกับ "รังไข่"สาเหตุมาจากขาดความสมดุลทางฮอร์โมน หรือหากผิวบริเวณนี้แตกระแหง ยังสามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกรามอยู่ด้วย
@@ โซนที่ 12 : ปลายคาง @@
เกี่ยวข้องกับ "กระเพาะอาหาร" และ "ลำไส้เล็ก"อาจเกิดจากการทานอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้เป็นแผล หรือมีปัญหาในการดูดซึม
@@ โซนที่ 14 : ลำคอและหน้าอก @@
หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังมีความเครียดสูง
ที่มา : 
http://health.kapook.com/view1637.html
http://women.postjung.com/1121.html
 

การเขียนรายงาน

ลักษณะของรายงานที่ดี
   1.  ปกสวยเรียบ
   2.  กระดาษที่ใช้มีคุณภาพดี มีขนาดถูกต้อง
   3.  มีหมายเลขแสดงหน้า
   4.  มีสารบัญหรือมีหัวข้อเรื่อง
   5.  มีบทสรุปย่อ
   6.  การเว้นระยะในรายงานมีความเหมาะสม
   7.  ไม่พิมพ์/เขียนข้อความให้แน่นจนดูลานตาไปหมด
   8.  ไม่การการแก้ ขูดลบ
   9.  พิมพ์/เขียนอย่างสะอาดและดูเรียบร้อย
   10. มีผังหรือภาพประกอบตามความเหมาะสม
   11. ควรมีการสรุปให้เหลือเพียงสั้น ๆ แล้วนำมาแนบประกอบรายงาน
   12. จัดรูปเล่มสวยงาม


(ตัวอย่างการเขียนคำนำ)
คำนำ

ค่านิยม เป็นเครื่องชี้แนวทาง หรือเป็นแนวทางลักษณะความประพฤติของคนในสังคมการพัฒนาค่านิยมอันดีงามให้เกิดแก่สังคมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกระทำ ถ้าสังคมใดมีค่านิยมไม่ดีก็จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติ แต่ถ้าสังคมใดมีค่านิยมที่ดีที่ถูกต้อง การพัฒนาประเทศก็จะทำได้ง่าย ประเทศชาติก็จะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แม้แต่วิชาชีพทุกวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นครู แพทย์ ทนายความ บรรณารักษ์ หรือวิชาชีพอื่น ๆ ต่างก็ต้องมีค่านิยมในวิชาชีพด้วยทั้งสิ้น โดยเฉพาะวิชาชีพบรรณารักษ์ ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ต้องรับผิดชอบในการประสานงานระหว่างคนกับเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด บรรณารักษ์จึงควรคำนึงถึงค่านิยมของบรรณารักษ์เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของวิชาชีพ
ผู้เขียนตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก จึงได้ศึกษาค้นคว้าและจัดทำค่านิยมของบรรณารักษ์ขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องนี้ โดยเฉพาะบรรณารักษ์ได้เกิดแนวทาง หรือเกิดความคิดต่อค่านิยมของบรรณารักษ์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาคนิพนธ์เรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อบรรณารักษ์ และผู้อ่านทุกท่าน
         
ชื่อคนทำ............................
                                                        20  สิงหาคม  2548



บรรณานุกรม
ชื่อหนังสือ...................................ผู้แต่ง............................................วันเดือนปีที่พิมพ์...........................................สืบค้นเมื่อวันที่....................เดือน.....................พ.ศ..........................

จากเว็ปไซด์..............................................................ทางเข้าสืบค้น เช่น http:// หรือ www. ...........................ผู้เขียนไว้............................สืบค้นเมื่อ.วันที่....................เดือน.....................พ.ศ.........................





แบบปกรายงาน


  รายงาน
เรื่อง..............................................

นำเสนอ
..................................

จัดทำโดย
ชื่อ..................สกุล..................
รหัสนักศึกษา...............................
ระดับชั้น................................
ศรช..............................


รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา......................................
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขตบางบอน





ยาอายุวัฒนะสูตรไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก
เส้นเลือดหัวใจตีบ คลอเรสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง-ต่ำ เบาหวาน ปวด บวม ชา ไหล่ติด ละลายหินปูน บำรุงสายตา ฯลฯ
สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์) ไทรอยด์ อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชา ตึง ปวด และบวมตามร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณด้านหน้าแหละด้านหลัง ปวดเข่า ปวดหลัง ขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกดจากหินปูนที่งอกพอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับเส้นประสาท) โรคข้ออักเสบ เช่นข้อนิ้วมือแข็งแรงและงอไม่ลงเป็นต้น ไหล่ติด อาการหน้ามืดบ่อยๆ หมดความรู้สึกทางเพศ ทำให้หลอดเลือดสะอาด เลือดหมุนเวียนได้สะดวก สร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ไม่เกิดสิว แผลสด จะหายเร็วกว่าปกติ ใบหน้าอ่อนวัน แข็งแรงกว่าเดิม เป็นยารักษาาโรคครอบจักรวาล สำหรับผู้สูงอายุ 40 ปีขึ้นไป ไม่มีผลข้างเคียงเพราะมาจากธรรมชาติสุดแสนประหยัด สามารถทำได้เอง และ ได้ผลอย่างแท้จริง
ตัวยา :
1. น้ำส้มสายชูหมัก จากข้าวหรือผลไม้จะมีวิตามินซีสูงมาก (น้ำส้มสายชูหมักมีสีคล้ายกับสีของน้ำชาอ่อน ไม่ใสเหมือนสีของน้ำส้มสายชูกลั่น ซึ่งเป็นสารเคมี) นิยมใช้เป็นส่วนผสมของน้ำจิ้มในร้านอาหารจีน,บ้านคนจีน,โต๊ะจีน ฯลฯ ได้แก่ตรา DIAMOND เป็นน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรดแท้ 100% มีกรดน้ำส้ม 42% (ปัจจุบันมีขายใน FOODLAND เพียงแห่งเดียว มีหลายสาขา) มีมาตราฐานการผลิตสูง น้ำส้มสีชาอ่อน สดใส เก็บไว้ได้นานประมาณ 3 ปี จึงหมดอายุ (ดูได้ที่ขวดบรรจุ)
หมายเหตุ น้ำส้มสายชูหมักมีคุณภาพเหมาะสมต้องมีกรดน้ำส้มอยู่ประมาณร้อยละ 4.2 ถึง 4.5 และต้องทำให้เปลือกไข่นิ่มลงหลังจากดองได้ 1-2 วัน อาจสังเกตเพิ่มเติมได้ว่า ทันทีี่เริ่มดองจะมีก๊าซเล็กๆ (ฟองอากาศ) จำนวนมากผุดออกมาจากเปลืองไข่ในส่วนทีี่สัมผัสกับน้ำส้มสายชูหมัก
2. ไข่ไก่สดใหม่ 8 ฟอง ต่อน้ำส้มสายชูหมัก 1 ขวด (ถ้าทาน 2 คนใช้ไข่ไก่ 16 ฟอง ต่อน้ำส้ม 2 ขวด ไข่ไก่ขนาดเล็กเบอร์ 3 หรือ เบอร์ 4 จะเหมาะที่สุด) ห้ามแช่เย็นมาก่อน ถ้าใช้ไข่จะเน่าเสียทั้งหมด เสียทั้งน้ำส้ม ไข่ และเวลา
3. โหลแก้ว เท่านั้น ขนาดเบอร์ 8 จำนวน 2 ใบ การณีที่ต้องการทานยาต่อเนื่อง ซึ่งไข่จะไม่ซ้อนกัน เพราะหากซ้อนกันมากไข่มีโอกาสแตกได้ง่าย
การเตรียมยา
เช็ดผิวไข่ให้ สะอาด อาจแช่น้ำหรือขัดในน้ำให้สะอาดเบาๆ เช็ดให้แห้งนำไปเรียงในโหลแก้ว เทน้ำส้มสายชูโดยให้น้ำสายส้มชูท่วมไข่ (1 โหลต่อไข่ 8 ฟอง) ทิ้งไว้นาน  4-5 วันเต็ม ยาจะได้พอดีเปลือกไข่จะยุบเหมือนแป้ง ไข่จะนิ่มทั้งฟอง ภายในหนึ่งหรือสองวัน ไม่ควรปิดฝาขวดให้แน่น เพื่อให้แก๊สที่เกิดระบายสู่บรรยากาศได้โดยง่าย หลังจากนั้นควรปิดฝาขวดโหลครบ 4-5 วัน นำไข่ออกมารับประทานวันละ 1 ฟอง จนหมดจึงทิ้งน้ำส้ม ทานติดต่อกันไปจึงได้จะได้ผลเร็วมาก
การรับประทานยา
นำไข่ซึ่งนิ่ม 1 ฟอง เปิดน้ำประปาล้างไข่พร้อมใช้นิ้วลูบเปลือกไข่เบาๆ เปลือกไข่จะยุ่ยหลุดออกมาเหมือนแป้งจนเกือบหมดเหลือเพียงเยื่อใสๆ ซึ่งหุ้มไข่ขาวและไข่แดงอยู่ภายใน นำไข่ใส่แก้ว เจาะเยื่อหุ้มไข่ (วางไข่ในแก้ว ป้อง ไข่กระเด็น แล้วใช้ไม้จิ้มฟันเจาะเอาเยื้อหุ้มไข่ทิ้ง) นำไข่แดงและไข่ขาวมารับประทานหลังอาหารเช้า วันละ 1 ฟอง ห้ามทานตอนท้องว่าง ถ้ารับประทานยากให้ผสมน้ำผึ้งก็ได้แต่ผสมกับน้ำเชื่อมจะคล้ายบัวลอยทานง่าย ที่สุด ห้ามทำให้สุกเด็ดขาด น้ำส้มจะเสื่อมสภาพ หลังรับประทานแล้วให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาให้มากๆ ทั้งวันเพื่อระบายท้องเสีย หลังทานยาห้ามดื่มน้ำเย็นทันทีเพราะอาจทำให้คลื่นไส้ได้  ถ้าหายดีแล้วควรทานเป็นประจำ แต่ลดยาลงเหลืออาทิตย์ละ 2-3 ฟอง (ทุกครั้งที่ทานยาห้ามนอนทันี แต่ควรทำอะไรไปพรางก่อนเพื่อให้ยาเดิน สำคัญมาก) การทานหลังอาหารมื้อเช้าประมาณ 10-15 นาที จะดีที่สุด แล้วทานน้ำมะนาวหรือของเปรี้ยวอื่นๆ ชิ้นเล็กๆ ตบท้าย จะช่วยให้รู้สึกดีมาก มีน้อยมากที่จะพบเฉพาะบางท่านเท่านั้น ที่รับประทานยาติดต่อกันหลายวัน อาจมีอาการร้อนใน เช่น ปากเป็นเม็ด ริมฝีปากแห้ง หรือมีขี้ตา เป็นต้น ควรหยุดทานยาชั่วคราว แล้วแก้อาการร้อนในด้วยการรับประทาน ยาเขียวตราใบห่อ ชนิดระบายอ่อน ในบางกรณีอาการปวดหรือชาอาจมากขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวัน ให้อดทนรับประทานต่อไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการจะดีขึ้น เห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นช่วงยาออกฤทธิ์ใหม่ๆ ขับอาการของโรคออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่กำลังป่วยอยู่
ประวัติและการวิเคราะห์การทำงานของยา
ไข่ดองน้ำส้ม สายชูหมัก เป็นตำรายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงนี้ ได้เผยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย และในหมู่ชาวจีน ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแพร่คนแรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อนฝูงทานด้วย ได้ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษาโรคได้หลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยา ไปแล้วกว่า 100 ฟอง ได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลังภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันได จะไม่เหนื่อย เหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรงมากเป็นพิเศษ ต่อจากนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา ได้แก่
1. ผู้มีอาการเสี่ยงต่อการช๊อก ได้แก่โรคหัวใจ (เจ็บแปลบๆ ปวดจี๊ด สาเหตุ เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเพราะเส้นเลือดฝอยตีบ) , ผู้ที่เคยผ่าตัดหัวใจ (ทำบายพาสมาแล้วแต่เป็นซ้ำอีก) , หัวใจโต , ผู้มีน้ำตาลในเลือดสูงมากถึงขึ้นต้องฉีดอินซูลิน , ผู้มีความดันโลหิตสูง เส้นเลือดฝอยมีโอกาสเปราะแตะอาจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ อาการเสี่ยงเหล่านี้จะหมดไปอย่างรวดเร็วในทันทีที่เริ่มทานไข่ดองน้ำส้ม สายชูหมักซึ่งจะรู้สึกได้เอง ยิ่งสามารถทานต่อเนื่องได้ทุกวัน ผู้ป่วยจะรู้สึกได้เองว่ายานี้ได้ผลดีจริงในระยะเวลาที่เร็วมาก อีกทั้งน้ำส้มสายชูหมักมีวิตามินซีสูงมากทำให้เส้นเลือดเหนียว และเปราะแตกได้ยากมาก
2. สำหรับผู้ป่วยที่มีผลการตรวจขอแพทย์เป็นตัวเลขยืนยันชัดเจน เมื่อทานยาติดกันประมาณ 30 ฟอง แล้วไปให้แพทย์เจาะเลือด ผลประากฎว่าระดับน้ำตาล , ความดัน , ครอเรสเตอรอล ไตรกรีเซอร์ไรด์ จะลดลงใกล้เคียงปกติทุกคน ยังไม่เคยมีใครทานยานี้แล้วไม่ได้ผล เพียงแต่ต้องทำยาให้ถูกต้อง และทานยากให้ต่อเนื่องจึงจะถูกวิธี โดยผู้ป่วยทุกรายยืนยันเองได้ผลจริง และได้ผลเร็วเกินคาด
3. โรคต่างๆ ที่เกิดจากหินปูนกดทับเส้นประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว ได้แก่ อาการเมื่อย ชา ปวด บวม ข้อและเข่าอักเสบ ไหล่ติดนิ้วมือเท้าแข็ง ตับ ไต ไทรอยด์ นอนไม่หลับ ฯลฯ รักษาได้ผลดีรวดเร็วมาก เพราะ น้ำส้มจะละลายหินปูนตามข้อต่างๆ รวมทั้งนิ่วและในไต น้ำส้มจะทำให้เส้นประสาทสั่งการจากสมองทำงานได้สมบูรณ์ด้วยการทำความสะอาด เส้นเลือดฝอยทุกเส้น ทำให้เลือดเดินได้สะดวก อวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ไต หัวใจ ม้าม ฯลฯ ก็สามารถฟื้นตัวทำงานได้ปกติ โดยอาศัยความสามารถของไข่ไก่ เป็นตัวพาน้ำส้มไปทำความสะอาดผนังหลอดเลือดในรูปของสารอาหารเพราะน้ำส้ม สายชูหมักถือเป็นสิ่งแปลกปลอมทางร่างกาย รับประทานโดยตรงร่างกายจะไม่ดูดซึม และขับออกทั้งหมดทางปัสสาวะจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์โดยตรงได้
4. น้ำส้มสายชูหมักในไข่ไก่ จะละลายหินปูนและทำความสะอาดผนังทางหลอดเลือดทั่วร่างกาย แม้แต่ในกระดูกตั้งแต่เส้นเลือดใหญ่จนถึงเส้นเลือดฝอยอย่างละเอียดทำให้ ปัญหาในการอุดตันในเส้นเลือดฝอยที่เป็นเส้นประสาทสั่งการสำคัญๆ สะอาด เลือดไหลเวียนสะดวก ทำให้ยานี้รักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาตหายและได้ผลจริง โดยหลักการที่ว่าเมื่อหลอดเลือดสะอาดจะทำให้เซลล์เนื้อเยื่อทั่วร่างกายฟื้น ตัวกลับสู่ปกติ เพราะได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเลือดอย่างพอเพียงและทั่วถึง และดึงของเสียที่เกิดจากการใช้งานขอเซลล์กลับออกมาทำให้ปราศจากเซลล์เสียใน ร่างกายเท่ากับการป้องกันและยับยั้งการเกิดการขยายตัวของเซลล์มะเร็วโดย อัตโนมัติ ทานยานี้เป็นประจำจะช่วยป้องกันและรักษาโรคได้ทุกชนิดดังกล่าวมา นับว่าเป็นยาอายุวัฒนะที่มีสรรพคุณวิเศษต่อมวลมนุษย์อย่างแท้จริง เพราะราคาถูกทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องทานยาแนปัจจุบันที่เป็นสารเคมีและราคาแพงไปตลอดชีวิต แต่อาการทรงตัวไม่สามารถหายขาดได้ และยังมีผลข้างเคยีงติดตามมาเป็นอันตรายต่อตับและไตอย่างมาก
5. ยาไข่ดองน้ำส้มสายชูหมักนี้ใช้ได้ผลดีจริง และได้ผลรวดเร็วมากอย่างน่าทึ่ง เท่าที่ทราบ ยาชนิดนี้เข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยมากกว่า 50 ปีแล้ว แต่ที่ไม่แพร่หลายในสังคมไทยอย่างเปิดเผยเป็นทางการเพราะ โรคดังกล่าวเป็นของผู้สูงอายุเป็นโรคเดียวกับที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาอยู่ ทั่วโลก เพราะผู้สูงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป มีจำนวนมากที่สุดในโลกเป็ฯกลุ่มมีรายได้มีกำลังซื้อยาสูง และจำเป็นต้องซื้อยาในราคาแพง เพราะป่วยจึงไม่มีทางเลือกทั้งคนรวยคนจน แต่คนจนมีมากกว่าจึงได้รับความเดือนร้อนทางการเงินมากกว่าซึ่งหากยานี้ได้ รับการยอมรับอย่างเปิดเผยเป็นทางการ ก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการขายยาโดยทั่วไป แต่คงไม่นานนักเนื่องจากยานี้เป็นสูตรยาโบราณของคนจีน ส่วนใหญ่รู้จักในหมู่คนจีน แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก และยังเป็นยาที่ทำยากและทานยาก จึงไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก เพียงสนใจเป็นกลุ่มๆ เท่านั้น แต่ถือเป็นโชคดีอย่างมหาศาลหากผู้ป่วยท่านใดมีโอกาสได้ทานยาเพื่อพิสูจน์ คุณภาพยาขนานนี้ด้วยตนเองก็จะช่วยให้หายป่วยได้อย่างรวดเร็วรามปาฏิหารย์ ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

<marquee direction="left">สมัครเรียน กับ ศกร.ดีสมบุญ</marquee>

เปิดรับสมัครเรียนแล้วค่ะ ศูนย์การเรียนดีสมบุญ กศน.เขตบางบอน เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่   ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565   ระดับชั้น ประถมศึกษา,...